รายละเอียด :
ผมต้องยินดีกับคนบึงกาฬที่ได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดใหม่ ที่นี่ชาวบ้านเขาลุ้นกันมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ แต่ตอนนั้นคงมีแค่เหตุผลเดียวที่สมควรจะเป็นจังหวัด คือ ไกลจากจังหวัดหนองคายถึง ๒๓๘ กม. คนก็ยังน้อย เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก พอแยกมาเป็นจังหวัดแล้ว ผมก็ต้องแสดงความเสียใจกับจังหวัดหนองคายที่จะสูญเสียแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไปเกือบ ๗๐%
เคยบอกไปแล้วว่าฉายาของจังหวัดหนองคาย คือ มังกรเลื้อยแห่งภาคอีสาน เพราะรูปร่างจังหวัดจะยาวคดโค้งไปตามแม่น้ำโขง ถ้าอุปมาเหมือนตาชั่ง ตัวจังหวัดจะอยู่ตรงกลาง แขนทางซ้าย คือ อ.ท่าบ่อ อ.ศรีเชียงใหม่ อ.สังคม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะอยู่ที่ อ.สังคม พอมาดูแขนทางซ้าย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะไปอยู่ในเขตจังหวัดบึงกาฬทั้งหมด (จังหวัดบึงกาฬมี ๘ อำเภอ คือ อ.บึงกาฬ, เซกา, ปากคาด, โซ่พิสัย, บุ่งคล้า, บึงโขงโหลง, ศรีวิไล และพรเจริญ)
พอบึงกาฬแยกมาเป็นจังหวัด ต่อไปจังหวัดหนองคายต้องขายวัฒนธรรมและบรรยากาศริมแม่น้ำโขงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้น ไม่รู้จะชูเรื่องอะไรมาเป็นจุดขายของการท่องเที่ยว
ผมคุ้นเคยกับจังหวัดใหม่นี้มาก ชอบธรรมชาติและบรรยากาศ ไปทุกปีและตระเวนดูแทบทุกหมู่บ้าน แทบทุกตำบล ยืนยันได้เลยว่าทั้งจังหวัดใหม่นี้เป้นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งหมด ประเภทน้ำตก แหล่งดูทะเลหมอก ทุ่งดอกไม้ธรรมชาติ เส้นทางเดินป่า แหล่งดูนกน้ำ เรียกได้ว่ายครบเครื่องของแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวคนไทยต้องการ แต่จะสวยในช่วงหน้าฝนเท่านั้น (มิถุนายน – ตุลาคม) นอกนั้นบรรดาน้ำตก ทุ่งดอกไม้อะไรที่เป้นจุดขายทางธรรมชาติจะแห้งแล้ง ช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวบึงกาฬจึงเป็นช่วงหน้าฝนอย่างที่บอก
ตัวเมืองบึงกาฬตรงข้ามกับเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ ของ สสป.ลาว แต่การค้าขายไปมาหาสู่ของคนสองประเทศกลับไม่คึกคักนัก บรรยากาศของเมืองที่ติดแม่น้ำโขงอย่าง บึงกาฬ หรือ บุ่งคล้า นั้น ตอนเช้าและตอนเย็นเป็นบรรยากาศที่ชวนหลงใหลมาก ตรงบุ่งคล้าจะเห้นปากกระดิ่งทางฝั่งลาว เป็นแม่น้ำที่ใสเขียว เวลาไหลลงแม่น้ำโขงสีขุ่นจึงเป้นน้ำสองสี แทบทุกอำเภอในจังหวัดบึงกาฬ เป้นอำเภอเล็กๆ ตอนนี้ยังหาที่พักยาก ร้านอาหารก็หายาก มีที่สมบูรณ์หน่อยก็ในตัวเมืองบึงกาฬ
ตอนนี้รถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปบึงกาฬมี ๒ บริษัท การบริการเลยไม่ค่อยดีนัก หน้าน้ำมีการแข่งเรือยาวทุกปี แข่งกับลาวก็มี หน้าแล้งริมโขงจะเป็นชายหาด ช่วงสงกรานต์ชาวบ้านจะมาเล่นน้ำบนหาดริมโขงกันสนุกสนาน ปลูกยางพารากันมากเกือบทั้งจังหวัด และน้ำท่วมทุกปี เพราะเป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำ มีพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งอย่างกุดทิง ห้วยบังบาตร บึงโขงโหลง
จังหวัดบึงกาฬจึงน่าจะเป็นจังหวัดทางภาคอีสานที่ไม่แล้งน้ำเหมือนอีสานอื่นๆ ความที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงเกือบตลอด บางจุดจึงไกลหูไกลตาเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีจุดลักลอบขนทั้งยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมืองเยอะไปหมด สถานบันเทิงมีน้อยมาก จึงเหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวในที่เงียบๆ
จังหวัดนี้ต้องขายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างเดียว และช่วงเวลาทองของการเที่ยวบึงกาฬคือหน้าฝน ตั้งแต่มิถุนายนไปจนถึงตุลาคมของทุกปี ถ้านอกจากนี้ไม่มีอะไรดูแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับเข้ามาพักในตัวบึงกาฬได้ เพราะ ระยะทางจะไม่ไกล
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ที่นี่ถือเป้นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแหล่งใหญ่ของบึงกาฬ เพราะ น้ำตกสวยๆ อย่าง น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกถ้ำฝุ่น หรือแม้กระทั่งน้ำตกใหญ่อย่างน้ำตกชะแนนล้วนเกิดจากป่าภูวัวนี้ทั้งสิ้น แล้วที่นี่ยังมีเส้นทางเดินป่าที่มีทุ่งดอกไม้ดินสารพัดชนิด มีช้างอีกหนึ่งโขลงให้พวกเดินป่าได้ตื่นเต้น ที่บนผากำปั่นในป่าภูวัวเป็นจุดดูทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามมาก
อีกแห่งที่ต้องไม่พลาดคือ วัดภูทอก ซึ่งความมหัศจรรย์อยู่ที่สะพานไม้ที่ทำเวียนรอบภูหินทราย ขึ้นไปด้านบนจะเห็นทิวทัศน์โดยรอบสวยงามมาก ยังมีดอกไม้และบรรยากาศร่มรื่นในบริเวณวัดด้วย สถานที่นั้นสมบูรณ์และน่าไปเยี่ยมชมมาก
ส่วน บึงโขงโหลง เป็นบึงน้ำใหญ่ มีนกน้ำอพยพมาในช่วงฤดูหนาวของทุกปี มีนกแต้วแล้วธรรมดา และนกอื่นๆ เป็นที่น่าชื่นชมแก่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวยิ่งนัก
ขอต้อนรับสู่จังหวัดใหม่ของไทยครับ...
เคยบอกไปแล้วว่าฉายาของจังหวัดหนองคาย คือ มังกรเลื้อยแห่งภาคอีสาน เพราะรูปร่างจังหวัดจะยาวคดโค้งไปตามแม่น้ำโขง ถ้าอุปมาเหมือนตาชั่ง ตัวจังหวัดจะอยู่ตรงกลาง แขนทางซ้าย คือ อ.ท่าบ่อ อ.ศรีเชียงใหม่ อ.สังคม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะอยู่ที่ อ.สังคม พอมาดูแขนทางซ้าย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะไปอยู่ในเขตจังหวัดบึงกาฬทั้งหมด (จังหวัดบึงกาฬมี ๘ อำเภอ คือ อ.บึงกาฬ, เซกา, ปากคาด, โซ่พิสัย, บุ่งคล้า, บึงโขงโหลง, ศรีวิไล และพรเจริญ)
พอบึงกาฬแยกมาเป็นจังหวัด ต่อไปจังหวัดหนองคายต้องขายวัฒนธรรมและบรรยากาศริมแม่น้ำโขงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้น ไม่รู้จะชูเรื่องอะไรมาเป็นจุดขายของการท่องเที่ยว
ผมคุ้นเคยกับจังหวัดใหม่นี้มาก ชอบธรรมชาติและบรรยากาศ ไปทุกปีและตระเวนดูแทบทุกหมู่บ้าน แทบทุกตำบล ยืนยันได้เลยว่าทั้งจังหวัดใหม่นี้เป้นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งหมด ประเภทน้ำตก แหล่งดูทะเลหมอก ทุ่งดอกไม้ธรรมชาติ เส้นทางเดินป่า แหล่งดูนกน้ำ เรียกได้ว่ายครบเครื่องของแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวคนไทยต้องการ แต่จะสวยในช่วงหน้าฝนเท่านั้น (มิถุนายน – ตุลาคม) นอกนั้นบรรดาน้ำตก ทุ่งดอกไม้อะไรที่เป้นจุดขายทางธรรมชาติจะแห้งแล้ง ช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวบึงกาฬจึงเป็นช่วงหน้าฝนอย่างที่บอก
ตัวเมืองบึงกาฬตรงข้ามกับเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ ของ สสป.ลาว แต่การค้าขายไปมาหาสู่ของคนสองประเทศกลับไม่คึกคักนัก บรรยากาศของเมืองที่ติดแม่น้ำโขงอย่าง บึงกาฬ หรือ บุ่งคล้า นั้น ตอนเช้าและตอนเย็นเป็นบรรยากาศที่ชวนหลงใหลมาก ตรงบุ่งคล้าจะเห้นปากกระดิ่งทางฝั่งลาว เป็นแม่น้ำที่ใสเขียว เวลาไหลลงแม่น้ำโขงสีขุ่นจึงเป้นน้ำสองสี แทบทุกอำเภอในจังหวัดบึงกาฬ เป้นอำเภอเล็กๆ ตอนนี้ยังหาที่พักยาก ร้านอาหารก็หายาก มีที่สมบูรณ์หน่อยก็ในตัวเมืองบึงกาฬ
ตอนนี้รถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปบึงกาฬมี ๒ บริษัท การบริการเลยไม่ค่อยดีนัก หน้าน้ำมีการแข่งเรือยาวทุกปี แข่งกับลาวก็มี หน้าแล้งริมโขงจะเป็นชายหาด ช่วงสงกรานต์ชาวบ้านจะมาเล่นน้ำบนหาดริมโขงกันสนุกสนาน ปลูกยางพารากันมากเกือบทั้งจังหวัด และน้ำท่วมทุกปี เพราะเป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำ มีพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งอย่างกุดทิง ห้วยบังบาตร บึงโขงโหลง
จังหวัดบึงกาฬจึงน่าจะเป็นจังหวัดทางภาคอีสานที่ไม่แล้งน้ำเหมือนอีสานอื่นๆ ความที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงเกือบตลอด บางจุดจึงไกลหูไกลตาเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีจุดลักลอบขนทั้งยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมืองเยอะไปหมด สถานบันเทิงมีน้อยมาก จึงเหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวในที่เงียบๆ
จังหวัดนี้ต้องขายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างเดียว และช่วงเวลาทองของการเที่ยวบึงกาฬคือหน้าฝน ตั้งแต่มิถุนายนไปจนถึงตุลาคมของทุกปี ถ้านอกจากนี้ไม่มีอะไรดูแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับเข้ามาพักในตัวบึงกาฬได้ เพราะ ระยะทางจะไม่ไกล
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ที่นี่ถือเป้นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแหล่งใหญ่ของบึงกาฬ เพราะ น้ำตกสวยๆ อย่าง น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกถ้ำฝุ่น หรือแม้กระทั่งน้ำตกใหญ่อย่างน้ำตกชะแนนล้วนเกิดจากป่าภูวัวนี้ทั้งสิ้น แล้วที่นี่ยังมีเส้นทางเดินป่าที่มีทุ่งดอกไม้ดินสารพัดชนิด มีช้างอีกหนึ่งโขลงให้พวกเดินป่าได้ตื่นเต้น ที่บนผากำปั่นในป่าภูวัวเป็นจุดดูทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามมาก
อีกแห่งที่ต้องไม่พลาดคือ วัดภูทอก ซึ่งความมหัศจรรย์อยู่ที่สะพานไม้ที่ทำเวียนรอบภูหินทราย ขึ้นไปด้านบนจะเห็นทิวทัศน์โดยรอบสวยงามมาก ยังมีดอกไม้และบรรยากาศร่มรื่นในบริเวณวัดด้วย สถานที่นั้นสมบูรณ์และน่าไปเยี่ยมชมมาก
ส่วน บึงโขงโหลง เป็นบึงน้ำใหญ่ มีนกน้ำอพยพมาในช่วงฤดูหนาวของทุกปี มีนกแต้วแล้วธรรมดา และนกอื่นๆ เป็นที่น่าชื่นชมแก่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวยิ่งนัก
ขอต้อนรับสู่จังหวัดใหม่ของไทยครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น